วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ปลาร้าสับสมุนไพรยายแอ๋ว
ด้วยประสบการณ์เกือบ 20 ปี การันตีความอร่อย
ย่านร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
พี่น้องเพื่อนบ้านเฮา เหนือ ใต้ อิสาน พม่า ลาว เขมร
ที่มาทำงานย่านนี้ น้อยคนที่จะไม่รู้จัก......
"ปลาร้าสับสมุนไพรยายแอ๋ว"
ปรุงสุกแล้ว...
ถูกหลักอนามัย
สะอาด....
อร่อย...
ส่วนประกอบ
-ปลาร้า สับละเอียด
-ตะไคร้ บดละเอียด
-ข่า บดละเอียด
-พริกแห้ง บดละเอียด
-กระเทียม บดละเอียด
-หอมแดง บดละเอียด
-ใบมะกรูด หั่นเป็นฝอย
-มะขามเปียก
หากคุณชื่นชอบปลาร้าสับ ขอเชิญมาร่วมเป็นแฟนเพจได้ที่นี่...
http://www.facebook.com/plarasubfanpage
การทำปลาร้า
ปลาร้านับว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านมาแต่โบราณกาลหลายร้อยปี
เป็นวิธีการเก็บรักษาอาหารไว้รับประทานได้นานที่สุด
และมีคุณภาพหรือคุณค่าทางอาหารยังคงเดิมหรือมากกว่าเดิม
วิธีการทำ
1.ล้างปลาให้สะอาด ถ้าเป็นปลาที่มีเกล็ดให้ถอดเกล็ดออกก่อน
และหากมีขนาดใหญ่ให้หั่นเป็นท่อนๆเพื่อที่ว่าเกลือจะได้ซึม
เข้าไปในเนื้อปลาได้ทั่วถึง
2.เอาไส้และขี้ออกจากตัวปลาให้หมดแล้วล้างให้สะอาด
3.เอาปลาทีล้างสะอาดแล้วมาคลุกเกลือไว้ 3วัน เพื่อรอให้เกลือซึมเข้าเนื้อปลาได้ทั่ว แล้วนำมาคลุกกับรำข้าวที่คั่วสุกแล้วหากต้อการให้ปลาร้ามีรสเปรี้ยวให้ใส่ข้าวคั่วที่ทุบแล้ว
4.บรรจุปลาร้าลงในไหหรือตุ่มที่ล้างสะอาดและแห้งแล้วโดยบรรจุไม่ไห้เต็ม ควรเว้นไว้ประมาณหนึ่งฝ่ามือหรือห้านิ้วจากขอบไหหรือตุ่ม แล้วใช้ผ้าและแผ่นพลาสติกปิดฝากไหหรือตุ่มใช้เชือดมัดให้แน่น ใช้ถุงขี้เถ่าทับอีกทีเพื่อป้องกันแมลงวันมาตอมหรือมาไข่ใส่
5.การเก็บไหปลาร้าควรเก็บไว้ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีแสงแดดส่องไม่ถึง
6.การหมักปลาร้าต้องใช้เวลาในการหมักปลาร้าไม่น้อยกว่าเก้าเดือนหรือหนึ่งปีขึ้นไปปลาร้าถึงจะมีกลิ่นหอมและปลอดภัยจากพยาธิ
หมายเหตุ.ปลาร้าที่หมักได้ไม่ถึงปี จะมีกลิ่นเหม็น มีสี่ดำและตัวปลาจะแข็ง อาจมีอัตรายได้หากรับประทาน
ข้อมูลจาก:น้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
เป็นวิธีการเก็บรักษาอาหารไว้รับประทานได้นานที่สุด
และมีคุณภาพหรือคุณค่าทางอาหารยังคงเดิมหรือมากกว่าเดิม
วิธีการทำ
1.ล้างปลาให้สะอาด ถ้าเป็นปลาที่มีเกล็ดให้ถอดเกล็ดออกก่อน
และหากมีขนาดใหญ่ให้หั่นเป็นท่อนๆเพื่อที่ว่าเกลือจะได้ซึม
เข้าไปในเนื้อปลาได้ทั่วถึง
2.เอาไส้และขี้ออกจากตัวปลาให้หมดแล้วล้างให้สะอาด
3.เอาปลาทีล้างสะอาดแล้วมาคลุกเกลือไว้ 3วัน เพื่อรอให้เกลือซึมเข้าเนื้อปลาได้ทั่ว แล้วนำมาคลุกกับรำข้าวที่คั่วสุกแล้วหากต้อการให้ปลาร้ามีรสเปรี้ยวให้ใส่ข้าวคั่วที่ทุบแล้ว
4.บรรจุปลาร้าลงในไหหรือตุ่มที่ล้างสะอาดและแห้งแล้วโดยบรรจุไม่ไห้เต็ม ควรเว้นไว้ประมาณหนึ่งฝ่ามือหรือห้านิ้วจากขอบไหหรือตุ่ม แล้วใช้ผ้าและแผ่นพลาสติกปิดฝากไหหรือตุ่มใช้เชือดมัดให้แน่น ใช้ถุงขี้เถ่าทับอีกทีเพื่อป้องกันแมลงวันมาตอมหรือมาไข่ใส่
5.การเก็บไหปลาร้าควรเก็บไว้ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีแสงแดดส่องไม่ถึง
6.การหมักปลาร้าต้องใช้เวลาในการหมักปลาร้าไม่น้อยกว่าเก้าเดือนหรือหนึ่งปีขึ้นไปปลาร้าถึงจะมีกลิ่นหอมและปลอดภัยจากพยาธิ
หมายเหตุ.ปลาร้าที่หมักได้ไม่ถึงปี จะมีกลิ่นเหม็น มีสี่ดำและตัวปลาจะแข็ง อาจมีอัตรายได้หากรับประทาน
ข้อมูลจาก:น้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
ป้ายกำกับ:
การเก็บไหปลาร้า,
การทำปลาร้า,
การหมักปลาร้า,
ภูมิปัญญาชาวบ้าน
ข่า
สรรพคุณของข่า
1.ใช้เหง้าสดตำให้ละเอียดผสมกับน้ำปูนใส รับประทานครั้งละครึ่งแก้ว ช่วยขับลมแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเดิน และบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน
2.ใช้รักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อนและแก้ลมพิษ โดยใช้เหง้าสดตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าขาว ทาบริเวณที่เป็นบ่อยๆจนกว่าจะดีขึ้น
3.สารสกัดจากข่านำมาประกอบเป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด เช่น ยารักษาแผลสด แก้โรคปวดบวมตามข้อ แก้โรคหลอดลมอักเสบ ยาธาตุและยาขับลม
4.ใช้ไล่แมลง โดยนำเหง้ามาทุบหรือตำให้ละเอียดเพื่อให้น้ำมันหอมระเหยออกมาแล้วนำไปวางบริเวณที่มีแมลง
5.ผลข่ามีสรรพคุณเหมือนกับเหง้า คือ ใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง ท้องล่วง ฆ่าเชื้อบิดและช่วยย่อยอาหาร ผงจากผลแห้งสามารถรักษาอาการปวดฟันได้ โดยนำไปบดและทาบริเวณที่ปวด
วิธีใช้ในการประกอบอาหาร
ข่าเป็นเครื่องเทศที่ใช้แต่งกลิ่นคาวพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ต้มยำปลา ข้าวต้มปลา ต้มข่าไก่ เป็นส่วนผสมในน้ำพริกแกงต่างๆ นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนผสมของลูกแป้งที่ใช้ทำข้าวหมากและเหล้า ดอกและลำต้นอ่อนใช้รับประทานเป็นผักสด
ที่มา:www.chuankin.com
1.ใช้เหง้าสดตำให้ละเอียดผสมกับน้ำปูนใส รับประทานครั้งละครึ่งแก้ว ช่วยขับลมแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเดิน และบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน
2.ใช้รักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อนและแก้ลมพิษ โดยใช้เหง้าสดตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าขาว ทาบริเวณที่เป็นบ่อยๆจนกว่าจะดีขึ้น
3.สารสกัดจากข่านำมาประกอบเป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด เช่น ยารักษาแผลสด แก้โรคปวดบวมตามข้อ แก้โรคหลอดลมอักเสบ ยาธาตุและยาขับลม
4.ใช้ไล่แมลง โดยนำเหง้ามาทุบหรือตำให้ละเอียดเพื่อให้น้ำมันหอมระเหยออกมาแล้วนำไปวางบริเวณที่มีแมลง
5.ผลข่ามีสรรพคุณเหมือนกับเหง้า คือ ใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง ท้องล่วง ฆ่าเชื้อบิดและช่วยย่อยอาหาร ผงจากผลแห้งสามารถรักษาอาการปวดฟันได้ โดยนำไปบดและทาบริเวณที่ปวด
วิธีใช้ในการประกอบอาหาร
ข่าเป็นเครื่องเทศที่ใช้แต่งกลิ่นคาวพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ต้มยำปลา ข้าวต้มปลา ต้มข่าไก่ เป็นส่วนผสมในน้ำพริกแกงต่างๆ นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนผสมของลูกแป้งที่ใช้ทำข้าวหมากและเหล้า ดอกและลำต้นอ่อนใช้รับประทานเป็นผักสด
ที่มา:www.chuankin.com
ป้ายกำกับ:
ต้มข่าไก่,
ยาธาตุและยาขับลม,
สรรพคุณของข่า
มะกรูด
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ใบ-มีน้ำมันหอมระเหย ใช้ประกอบอาหาร
ผล-ใช้แต่งกิง สระผม
ผิวจากลูก-เป็นยาขับลมในลำไส้
ราก-ถอนพิษ แก้ปวดท้อง แก้พิษฝีภายใน
ลูกมะกรูด-หมักดองเป็นยาดองเปรี้ยวเค็ม รับประทาน
ฝอกล้างและบำรุงโลหิต
สรรพคุณทางยา
ผลมะกรูดช่วยขับลมแก้จุกเสียด แก้ลมวิงเวียน
น้ำมะกรูดแก้เลือดออกตามไรฟัน ในมะกรูดประกอบด้วย
เบต้า-แคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบีสอง วิตามมินซี แคลเซี่ยมและโปรตีน
การนำไปใช้ ใช้ได้ทั้งผลและใบ
การใช้ผลมะกรูดจะปอกเอาแต่ผิวเปลือกใส่เป็นส่วนผสมในน้ำพริกแกงต่างๆ
น้ำมะกรูดใช้ปรุงรสเปรี้ยวอมหวานกลมกล่อม
ถ้าผ่าครึ่งผลตามขวางทั้งเปลือกมักใส่ในแกงเทโพ
น้ำพริกทำยาขนมจีน ใบมะกรูดใช้ใส่ต้มยำ ต้มข่า ต้มแซบ
หรือซอยลงหน้าห่อหมก ฉู่ฉี่ พะแนง และใส่เป็นใส่เป็นส่วนผสมทอดมัน
ใบมะกรูด มหัศจรรย์กำจัดแมลงในข้าวสาร
ผลมะกรูด รักษาชันะตุและแผลบนหนังศรีษะด้วยมะกรูดได้
ใช้น้ำคั้นที่ได้จากผลมะกรูดหรือนำผลมะกรูดเผาไฟ
ผ่าซีกบีบเอาน้ำและน้ำมันจากผิวมะกรูด ผสมน้ำหนึ่งเท่า
ใช้สระผมแทนแชมพูแล้วล้างออก
ข้อมูลจาก:น้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
ใบ-มีน้ำมันหอมระเหย ใช้ประกอบอาหาร
ผล-ใช้แต่งกิง สระผม
ผิวจากลูก-เป็นยาขับลมในลำไส้
ราก-ถอนพิษ แก้ปวดท้อง แก้พิษฝีภายใน
ลูกมะกรูด-หมักดองเป็นยาดองเปรี้ยวเค็ม รับประทาน
ฝอกล้างและบำรุงโลหิต
สรรพคุณทางยา
ผลมะกรูดช่วยขับลมแก้จุกเสียด แก้ลมวิงเวียน
น้ำมะกรูดแก้เลือดออกตามไรฟัน ในมะกรูดประกอบด้วย
เบต้า-แคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบีสอง วิตามมินซี แคลเซี่ยมและโปรตีน
การนำไปใช้ ใช้ได้ทั้งผลและใบ
การใช้ผลมะกรูดจะปอกเอาแต่ผิวเปลือกใส่เป็นส่วนผสมในน้ำพริกแกงต่างๆ
น้ำมะกรูดใช้ปรุงรสเปรี้ยวอมหวานกลมกล่อม
ถ้าผ่าครึ่งผลตามขวางทั้งเปลือกมักใส่ในแกงเทโพ
น้ำพริกทำยาขนมจีน ใบมะกรูดใช้ใส่ต้มยำ ต้มข่า ต้มแซบ
หรือซอยลงหน้าห่อหมก ฉู่ฉี่ พะแนง และใส่เป็นใส่เป็นส่วนผสมทอดมัน
ใบมะกรูด มหัศจรรย์กำจัดแมลงในข้าวสาร
ผลมะกรูด รักษาชันะตุและแผลบนหนังศรีษะด้วยมะกรูดได้
ใช้น้ำคั้นที่ได้จากผลมะกรูดหรือนำผลมะกรูดเผาไฟ
ผ่าซีกบีบเอาน้ำและน้ำมันจากผิวมะกรูด ผสมน้ำหนึ่งเท่า
ใช้สระผมแทนแชมพูแล้วล้างออก
ข้อมูลจาก:น้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
ป้ายกำกับ:
แชมพู,
ใบมะกรูด,
พะแนง,
มหัศจรรย์กำจัดแมลง,
ลูกมะกรูด
กระเทียม
สรรพคุณต่างๆของกระเทียมมีดังนี้
1.ฆ่าเชื้อรา คือ กลาก เกลื่อน และเชื้อราที่เกิดตามเล็บ หนังศรีษะและผม
2.ฆ่าเชื้อยีสต์ชนิดที่ทำให้เกิดลิ้นขาวเป็นฝ้าในเด็กทารกและทำให้เกิดโรคมุตกิดระดูขาวที่มักจะเกิดในหญิงที่ตั้งครรถ์หรือกินยาคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ
3.ลดความดันโลหิตสูง
4.ลดไขมันและคอเลสเตอรอล
5.ป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว
6.ลดน้ำตาลในเลือด
7.ฆ่าหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรียแทบทุกชนิด กล่าวคือมีสารอัลลิชินที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่มัดทำให้เกิดโรคได้ถึงสิบห้าชนิด โดยเฉพาะยับยั้งเชื้อพวกที่ดื่อยาเพนนิชิลินได้ดีกว่าเชื้อพวกที่ไม่ดื่อยาอีกด้วย นอกจากนี้ยังฆ่าเชื้อบิดมีตัวที่มีพิษต่อลำไส้ได้ดี โดยมีสารที่สำคัญคือกาลิชิน รวมทั้งสามารถยับยั้งเชื้อบิดเทียมซึ่งไม่รบกวนแบคทีเรียตัวอื่นที่มีประโยชน์ต่อลำไส้
8.ยับยั้งเชื้อต่างๆเช่น เชื้อที่ทำให้เกิดฝีหนอง และใช้รักษาแผลสด แผลที่เป็นหนอง คออักเสบ ทอนซิลอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ เชื้อวัณโรคและเชื้อปอดบวม
9.รักษาไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
10.เป็นยาขับเสมหะและมีฤทธิ์ขับเหงื่อและขับปัสสาวะ
11รักษาโรคไอกรน
12.แก้หืดและโรคหลอดลม
13.แก้ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย
14.ควบคุมโรคกระเพาะคือมีสารเอเอสหนึ่ง ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะและยังช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดรุนแรงได้ด้วย
15.ขับพยาธิต่างๆได้หลายชนิด ได้แก่ พยาธิเข็มหมุด พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้ายและมีรายงานทดสอบจากอินเดียว่ากระเทียมมีสารไดอัลลิลไดซัลไฟต์ มีฤทธิ์ใช้ฆ่าพยาธิไส้เดือนได้ดี
16.แก้เคล็ดขัดยอกและเท้าแพลงเพราะมีสารอัลลิชินเป็นตัวช่วยทำให้เลือดไหลเวียนมายังบริเวณที่ทาถูนวดยาได้ดีมากขึ้น
17.แก้ปวดข้อและปวดเมื่อย
18.ต่อต้านเนื้องอก
19.กำจัดพิษสารตะกั่ว
20.บำรุงรายกาย ประเทศญี่ปุ่นได้ค้นพบสารในกระเทียมชื่อ สดอร์ดินิน ไม่มีกลิ่น แต่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่างรวมทั้งช่วยให้เนื้อเยื่อเจริญเติบโตและช่วยลดไขมันในร่างกาย
21.ยังมีผู้พบว่าในกระเทียมมีธาตุเจอร์เมเนี่ยมค่อนข้างสูงซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหืด โรคไต โรคตับอ่อน และอาการท้องผูก รวมถึงมีสารชักนำวิตามินบีหนึ่งเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นเท่าตัว โดยรวมเป็นสารอัลลิลไทอะมิน ทำให้วิตามินบีหนึ่งออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นถึงยี่สิบเท่า
ที่มา:หนังสือพิมพ์ข่าวสด
....................................................................
ป้ายกำกับ:
คอเลสเตอรอล,
ฆ่าเชื้อรา,
โรคไอกรน,
ลดไขมัน,
สารไดอัลลิลไดซัลไฟต์
หอมแดง
สมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านหวัด โดยเฉพาะ"หวัด 2009"ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้
ซึ่งความจริงแล้วสมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านเชื้อหวัดมีหลายชนิดนิยมใช้มาแต่โบราณ อยู่ที่ว่าใครจะเลือกใช้ชนิดใด ที่ฮือฮากันมากได้แก่ฟ้าทลายโจร ทุกคนทราบวิธีใช้กันดีแล้ว
หอมแดง สามารถต้านเชื้อหวัดได้ นิยมใช้มาแต่ดึกดำบรรพ์ เช่น เด็กเป็นหวัด หรือมีอาการคัดจมูกจะเป็นหวัด โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาว นิยมเรียกว่า"ไข้หัวลม"เอาหอมแดงกะจำนวนพอประมาณ ทุบจนแตก ต้มจนเดือด ราดศรีษะเด็กขณะอุ่นหลังอาบน้ำเสร็จ 2-3 ขัน เศษหอมแดงที่ต้มขยี่ศรีษะเช็ดผมให้สะอาด อาการคัดจมูกหรือไข้หวัดหัวลมจะหายได้ นิยมทำตอนเย็น หรือหากผ้ใหญ่เป็นไข้หัวลมหรือเป็นหวัด เอาหอมหัวแดงกะจำนวนตามต้องการทุบพอแตกต้มจนเดือด แล้วใช้ผ้าคลุมศรีษะรมสูดเอาไอร้อนจากน้ำที่ต้ม หายใจลึกๆทำวันละครั้งก่อนนอน อาการที่เป็นจะหายได้ ซึ่งสูตรดังกล่าวสามารถใช้ป้องกันเชื้อหวัดทุกชนิดได้
หอมแดงมีคุณค่าทางอาหารคือ มีแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัสในสัดส่วนที่เหมาะสมกับการดูดซึมของร่างกาย มีเบต้าแคโรทีน มีสารฟลาโวนอยด์ โดยเฉพาะซิทีนเป็นเกราะกันมะเร็งให้กับคนได้ มีสารอาหารมากกว่าสิบชนิด
ที่มา:หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ซึ่งความจริงแล้วสมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านเชื้อหวัดมีหลายชนิดนิยมใช้มาแต่โบราณ อยู่ที่ว่าใครจะเลือกใช้ชนิดใด ที่ฮือฮากันมากได้แก่ฟ้าทลายโจร ทุกคนทราบวิธีใช้กันดีแล้ว
หอมแดง สามารถต้านเชื้อหวัดได้ นิยมใช้มาแต่ดึกดำบรรพ์ เช่น เด็กเป็นหวัด หรือมีอาการคัดจมูกจะเป็นหวัด โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาว นิยมเรียกว่า"ไข้หัวลม"เอาหอมแดงกะจำนวนพอประมาณ ทุบจนแตก ต้มจนเดือด ราดศรีษะเด็กขณะอุ่นหลังอาบน้ำเสร็จ 2-3 ขัน เศษหอมแดงที่ต้มขยี่ศรีษะเช็ดผมให้สะอาด อาการคัดจมูกหรือไข้หวัดหัวลมจะหายได้ นิยมทำตอนเย็น หรือหากผ้ใหญ่เป็นไข้หัวลมหรือเป็นหวัด เอาหอมหัวแดงกะจำนวนตามต้องการทุบพอแตกต้มจนเดือด แล้วใช้ผ้าคลุมศรีษะรมสูดเอาไอร้อนจากน้ำที่ต้ม หายใจลึกๆทำวันละครั้งก่อนนอน อาการที่เป็นจะหายได้ ซึ่งสูตรดังกล่าวสามารถใช้ป้องกันเชื้อหวัดทุกชนิดได้
หอมแดงมีคุณค่าทางอาหารคือ มีแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัสในสัดส่วนที่เหมาะสมกับการดูดซึมของร่างกาย มีเบต้าแคโรทีน มีสารฟลาโวนอยด์ โดยเฉพาะซิทีนเป็นเกราะกันมะเร็งให้กับคนได้ มีสารอาหารมากกว่าสิบชนิด
ที่มา:หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ตะไคร้
ตะไคร้เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุยาวนานหลายปี ลำต้นรวมกันเป็นกอ ใบยาวเรียวเล็ก ปลายแหลมสีเขียวเป็นใบเดียวออกสลับกัน หากสัมผัสขอบใบเร็วๆอาจทำให้บาดมือได้ ออกดอกเป็นช่อยาว ลักษณะดอกจะเป็นช่อฝอยเล็กๆ ตะไคร้นับว่าเป็นพืชที่ใช้ประโยชน์ได้มากมาย นอกจากจะนำไปประกอบอาหารได้แล้ว เหง้า กาบ และใบของตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยจำนวนมาก ปัจจุบันนี้จึงได้มีการนำตะไคร้ไปแปลรูปเป็นผลิตภัณฑ์ไล่ยุง สบู่ ยาดม ยาหม่อง และใช้เป็นสารแต่งกลิ่นสำหรับเครื่องสำอางบางชนิดด้วย
ประโยชน์ทางอาหาร ตะไคร้ถือว่าเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง ใช้แต่งกลิ่น รส ดับกลิ่นคาวของอาหารนานาชนิด ส่วนที่ใช้ในการประกอบอาหารคือเหง้า ลำต้นและใบ ส่วนเหง้าและลำต้นนับเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำอาหารหลายชนิด เช่น น้ำพริกแกงทุกชนิด ต้มยำ ต้มส้ม ต้มโคล้ง แกงป่า ยำหอยนางรม พล่าปูม้า พล่ากุ้ง ฯลฯ ส่วนใบนั้นนิยมนำไปตากแห้งเก็บไว้ต้มทำเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร หากเป็นใบสดทางภาคเหนือนิยมนำไปขยี่กับเลือดสดหรือนำไปบดร่วมกันกับปูเวลาที่จะทำน้ำปู เพื่อลดกลิ่นคาวได้
สรรพคุณทางยา ช่วยระงับกลิ่นตัว ขับเหงื่อใคร แก้ปวดศรีษะ ช่วยขับปัสสาวะ บำรุงร่างกาย แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลมในกระเพาะและยังสามารถใช้ไล่แมลงได้ด้วย
ที่มา:siammoo.com
ประโยชน์ทางอาหาร ตะไคร้ถือว่าเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง ใช้แต่งกลิ่น รส ดับกลิ่นคาวของอาหารนานาชนิด ส่วนที่ใช้ในการประกอบอาหารคือเหง้า ลำต้นและใบ ส่วนเหง้าและลำต้นนับเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำอาหารหลายชนิด เช่น น้ำพริกแกงทุกชนิด ต้มยำ ต้มส้ม ต้มโคล้ง แกงป่า ยำหอยนางรม พล่าปูม้า พล่ากุ้ง ฯลฯ ส่วนใบนั้นนิยมนำไปตากแห้งเก็บไว้ต้มทำเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร หากเป็นใบสดทางภาคเหนือนิยมนำไปขยี่กับเลือดสดหรือนำไปบดร่วมกันกับปูเวลาที่จะทำน้ำปู เพื่อลดกลิ่นคาวได้
สรรพคุณทางยา ช่วยระงับกลิ่นตัว ขับเหงื่อใคร แก้ปวดศรีษะ ช่วยขับปัสสาวะ บำรุงร่างกาย แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลมในกระเพาะและยังสามารถใช้ไล่แมลงได้ด้วย
ที่มา:siammoo.com
พริกแห้ง
ประโยชน์ของพริก
เมื่อรับประทาน พริกใช้รับประทานเป็นยาขับเสมหะ ยาฝาดสมาน ช่วยการย่อย เพิ่มความอบอุ่นในร่างกายและรักษาแผนในกระเพาะอาหารและลำไส้
เมื่อรับประทานพริกในช่วงแรกควรรับประทานแต่น้อยและค่อยๆเพิ่มขนาดจะทำให้ทางเดินอาหารค่อยๆปรับตัวรับความเผ็ดร้อนและความระคายเคืองของพริกโดยการเพิ่มการหลั่งสารเมือกและสร้างเนื้อเยื่อผิวกระเพาะอาหารและลำไส้เพิ่มขึ้น
พริกจะลดการเกิดสารกา็ซที่เกิดจากการย่อยอาหารและการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อท้องที่เกิดจากท้องอืดท้องเฟ้อ
พริกยังใช้ป้องกันหวัด การกินพริกก่อนอาหารหรือพร้อมอาหารจะแก้อาการเบื่ออาหารได้
พริกเมื่อรับประทานในรูปอาหารในตอนแรกจะทำให้เกิดความเผ็ดร้อนบริเวณริมฝีปากและช่องปากแต่ต่อมาจะทำให้รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นสบาย ซึ่งความเผ็ดร้อนนี้ทำให้ลดลงได้ด้วยอาหาร บางคนที่มีความไวต่อพริกมาก เมื่อรับประทานพริกจำนวนมากโดยเฉพาะเมื่อเริ่มต้น ไม่เพียงแต่จะทำให้ริมฝีปากและช่องปากเผ็ดร้อน ยังทำให้ระคายเคืองต่อทางเดินอาหารส่วนอื่นด้วย ผลการวิจัยเป็นจำนวนไม่น้อยพบว่าเมื่อรับประทานอย่างถูกวิธีพริกจะไม่ทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารหรือลำไส้ แต่จะช่วยให้เกิดการสมานแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้อีกด้วย
ที่มา:น้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
เมื่อรับประทาน พริกใช้รับประทานเป็นยาขับเสมหะ ยาฝาดสมาน ช่วยการย่อย เพิ่มความอบอุ่นในร่างกายและรักษาแผนในกระเพาะอาหารและลำไส้
เมื่อรับประทานพริกในช่วงแรกควรรับประทานแต่น้อยและค่อยๆเพิ่มขนาดจะทำให้ทางเดินอาหารค่อยๆปรับตัวรับความเผ็ดร้อนและความระคายเคืองของพริกโดยการเพิ่มการหลั่งสารเมือกและสร้างเนื้อเยื่อผิวกระเพาะอาหารและลำไส้เพิ่มขึ้น
พริกจะลดการเกิดสารกา็ซที่เกิดจากการย่อยอาหารและการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อท้องที่เกิดจากท้องอืดท้องเฟ้อ
พริกยังใช้ป้องกันหวัด การกินพริกก่อนอาหารหรือพร้อมอาหารจะแก้อาการเบื่ออาหารได้
พริกเมื่อรับประทานในรูปอาหารในตอนแรกจะทำให้เกิดความเผ็ดร้อนบริเวณริมฝีปากและช่องปากแต่ต่อมาจะทำให้รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นสบาย ซึ่งความเผ็ดร้อนนี้ทำให้ลดลงได้ด้วยอาหาร บางคนที่มีความไวต่อพริกมาก เมื่อรับประทานพริกจำนวนมากโดยเฉพาะเมื่อเริ่มต้น ไม่เพียงแต่จะทำให้ริมฝีปากและช่องปากเผ็ดร้อน ยังทำให้ระคายเคืองต่อทางเดินอาหารส่วนอื่นด้วย ผลการวิจัยเป็นจำนวนไม่น้อยพบว่าเมื่อรับประทานอย่างถูกวิธีพริกจะไม่ทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารหรือลำไส้ แต่จะช่วยให้เกิดการสมานแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้อีกด้วย
ที่มา:น้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
..................................................................
ป้ายกำกับ:
แก้อาการเบื่ออาหาร,
ขับเสมหะ,
รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
มะขามเปียก
ประโยชน์ของมะขามเปียก
มะขามเปียกถือเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณในเรื่องของระบบขับถ่าย ถ้าเกิดท้องผูกขึ้นมาก็ให้หยิบมะขามเปียกมาจิ้มเกลือรับประทานสักฝักสองฝักเป็นอันได้ผล แต่เรื่องของความสะอาดนั้นถือว่าสำคัญมาก เพราะฉะนั้นก่อนที่จะหยิบมะขามเปียกมารับประทาน ต้องดูให้แน่ใจว่ามีสิ่งสกปรกหรือเชื้อราเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่ทางที่ดีควรนำเข้าตู้ไมโครเวฟก่อน ถ้าเป็นไปได้ให้ซื้อมะขามเปียกซึ่งมีจำหน่ายเป็นฝักๆมาแกะเปลือกไว้กินเองดีกว่า
อีกปัญหาหนึ่งของผู้ที่นิยมกักตุนมะขามเปียกไว้ใช้ แต่แล้วผ่านไปไม่นานสีของเนื้อมะขามที่เคยออกโทนน้ำตาล กลับกลายเป็นสีดำไม่น่ารับประทาน ฉะนั้นหลังจากได้มะขามเปียกมา ให้บรรจุลงในภาชนะที่ไม่ใช่อลูมิเนี่ยม โรยเกลือแกงเม็ดใหญ่ๆบริเวณด้านบน ปิดฝาให้สนิท
เพียงเท่านี้ก็จะได้รับประทานมะขามเปียกสีสันตามธรรมชาติและถ้าใครท้องผูกก็อย่าลืมหันมาทานมะขามเปียกกันดูจะได้มีระบบขับถ่ายที่ดี
ที่มา:เดลินิวส์
......................................................
ปลาร้าทอดทรงเครื่อง
วัตถุดิบ
-ปลาร้าชิ้นโตๆ
-ใบมะกรูดหั่นฝอยหรือทอดก็ได้
-พริกแห้งทอดหรือพริกขี้หนูสดหั่น
-หอมแดงหั่นฝอย
-น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ
-ตั้งน้ำมันให้ร้อนพอประมาณ ใส่ปลาร้าที่เตรียมไว้ทอด
ลงกระทะทอดให้สุก ตักขึ้นใส่ตะแกรง
-เวลาเสริ์ฟ นำปลาร้ามาวางใส่จาน
โรยหน้าด้วยหอมแดงหั่นฝอย ใบมะกรูดหั่นหรือทอดก็ได้
พริกแห้งทอด (ถ้าไม่ชอบพริกแห้งทอดให้ใช้พริกขี้หนูสด
หั่นแทนได้)บีบน้ำมะนาวราดหน้า
รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ
........อร่อยสุดๆเลยหละ.....
ข้อมูลจากน้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
-ปลาร้าชิ้นโตๆ
-ใบมะกรูดหั่นฝอยหรือทอดก็ได้
-พริกแห้งทอดหรือพริกขี้หนูสดหั่น
-หอมแดงหั่นฝอย
-น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ
-ตั้งน้ำมันให้ร้อนพอประมาณ ใส่ปลาร้าที่เตรียมไว้ทอด
ลงกระทะทอดให้สุก ตักขึ้นใส่ตะแกรง
-เวลาเสริ์ฟ นำปลาร้ามาวางใส่จาน
โรยหน้าด้วยหอมแดงหั่นฝอย ใบมะกรูดหั่นหรือทอดก็ได้
พริกแห้งทอด (ถ้าไม่ชอบพริกแห้งทอดให้ใช้พริกขี้หนูสด
หั่นแทนได้)บีบน้ำมะนาวราดหน้า
รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ
........อร่อยสุดๆเลยหละ.....
ข้อมูลจากน้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
การทำน้ำปลาจากปลาร้า
ปลาร้าเป็นอาหารพื้นบ้านของคนไทยเราอยู่แล้ว
การนำเอาปลาร้ามาแปรสภาพเป็นน้ำปลาเพื่อใช้ในครัว
นับว่าเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะการที่เราทำเอง
จากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในครัว นอกจากจะเป็นการประหยัด
แล้วยังสะอาดด้วยเพราะว่าเราทำเอง
วัตถุดิบและอัตราส่วนในการทำ
-ปลาร้า 1 กิโลกรัม
-น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
-เกลือทะเล 2 กิโลกรัม
-น้ำสะอาด 6 ลิตร
วิธีทำ
นำเอาเกลือและน้ำตาลทรายมาละลายน้ำ 6 ลิตรนั้น
แล้วเอาไปต้มให้เดือด
ถ้าเกลือสกปรกมากให้กรองด้วยผ้าดิบแล้วปล่อยให้เย็นลง
เมื่อเย็นลงแล้วก็ให้เทลงใส่ในถังหมักที่มีปลาร้าใส่ไว้แล้ว
ถังหมักนั้นควรปิดฝาแล้วตั้งตากแดดไว้
หมักไว้ประมาณ 2-3 เดือน ก็จะได้เป็นน้ำปลา
นำเอาน้ำปลามากรองอีกครั้ง
เพื่อทำให้น้ำปลาใสน่ารับประทาน
ก่อนบรรจุลงในขวดเก็บไว้ใช้ต่อไป
ข้อมูลจาก:น้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
การนำเอาปลาร้ามาแปรสภาพเป็นน้ำปลาเพื่อใช้ในครัว
นับว่าเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะการที่เราทำเอง
จากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในครัว นอกจากจะเป็นการประหยัด
แล้วยังสะอาดด้วยเพราะว่าเราทำเอง
วัตถุดิบและอัตราส่วนในการทำ
-ปลาร้า 1 กิโลกรัม
-น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
-เกลือทะเล 2 กิโลกรัม
-น้ำสะอาด 6 ลิตร
วิธีทำ
นำเอาเกลือและน้ำตาลทรายมาละลายน้ำ 6 ลิตรนั้น
แล้วเอาไปต้มให้เดือด
ถ้าเกลือสกปรกมากให้กรองด้วยผ้าดิบแล้วปล่อยให้เย็นลง
เมื่อเย็นลงแล้วก็ให้เทลงใส่ในถังหมักที่มีปลาร้าใส่ไว้แล้ว
ถังหมักนั้นควรปิดฝาแล้วตั้งตากแดดไว้
หมักไว้ประมาณ 2-3 เดือน ก็จะได้เป็นน้ำปลา
นำเอาน้ำปลามากรองอีกครั้ง
เพื่อทำให้น้ำปลาใสน่ารับประทาน
ก่อนบรรจุลงในขวดเก็บไว้ใช้ต่อไป
ข้อมูลจาก:น้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
แกงอ่อม
ส่วนประกอบต่างๆโดยประมาณ
-เนื้อ(หมู,ไก่,ปลา,หรืออะไรก็ได้ที่ชอบ) 200 กรัม
-ผักกวางตุ้ง 2 ถ้วยตวง
-ต้นหอม 1 ถ้วยตวง
-ผักชีลาว 1 ถ้วยตวง
-ยอดฝักทอง 1 ถ้วยตวง
-ใบตำลึง 1 ถ้วยตวง
-ใบแมงลัก 1/2 ถ้วยตวง
-ใบมะกรูด 1/4 ถ้วยตวง
-น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
เครื่องปรุงน้ำแกง
-พริกแห้ง 8 เม็ด
-หัวหอม 1/2 ถ้วยตวง
-กระเทียม 1/4 ถ้วยตวง
-ข่า 1/4 ถ้วยตวง
-ตะไคร้ 1/2 ถ้วยตวง
-รากผักชี 1ช้อนโต๊ะ
-ลูกผักชี 1ช้อนโต๊ะ
-กะปิ 1/2ช้อนโต๊ะ
-น้ำปลาร้า 2ช้อนโต๊ะ
-พริกขี้หนูทุบพอแตก 2ช้อนโต๊ะ
-น้ำปลา ชูรสเล็กน้อย
วิธีทำ
1.โขลกพริกแห้ง ข่า ตะไคร้ รากผักชีเข้าด้วยกัน ตามด้วยหัวหอม กระเทียม กะปิ ให้ละเอียด
2.นำเนื้อหั่นชิ้นพอดีใส่หม้อตั้งไฟ นำเครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไปคั่วกับเนื้อให้หอม ใส่ใบมะกรูด พริกขี้หนูพอแตกแล้วเติมน้ำทิ้งไว้ให้เดือด
3.พอน้ำเดือดใส่ผักกวางตุ้ง ตามด้วยยอดฝักทอง ใบตำลึง ต้นหอม ผักชีลาว ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา ชูรสเล็กน้อย ชิมรสตามชอบ
4.ยกลงเสริ์ฟโรยหน้าด้วยใบแมงลัก
ข้อมูลจาก..น้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
-เนื้อ(หมู,ไก่,ปลา,หรืออะไรก็ได้ที่ชอบ) 200 กรัม
-ผักกวางตุ้ง 2 ถ้วยตวง
-ต้นหอม 1 ถ้วยตวง
-ผักชีลาว 1 ถ้วยตวง
-ยอดฝักทอง 1 ถ้วยตวง
-ใบตำลึง 1 ถ้วยตวง
-ใบแมงลัก 1/2 ถ้วยตวง
-ใบมะกรูด 1/4 ถ้วยตวง
-น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
เครื่องปรุงน้ำแกง
-พริกแห้ง 8 เม็ด
-หัวหอม 1/2 ถ้วยตวง
-กระเทียม 1/4 ถ้วยตวง
-ข่า 1/4 ถ้วยตวง
-ตะไคร้ 1/2 ถ้วยตวง
-รากผักชี 1ช้อนโต๊ะ
-ลูกผักชี 1ช้อนโต๊ะ
-กะปิ 1/2ช้อนโต๊ะ
-น้ำปลาร้า 2ช้อนโต๊ะ
-พริกขี้หนูทุบพอแตก 2ช้อนโต๊ะ
-น้ำปลา ชูรสเล็กน้อย
วิธีทำ
1.โขลกพริกแห้ง ข่า ตะไคร้ รากผักชีเข้าด้วยกัน ตามด้วยหัวหอม กระเทียม กะปิ ให้ละเอียด
2.นำเนื้อหั่นชิ้นพอดีใส่หม้อตั้งไฟ นำเครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไปคั่วกับเนื้อให้หอม ใส่ใบมะกรูด พริกขี้หนูพอแตกแล้วเติมน้ำทิ้งไว้ให้เดือด
3.พอน้ำเดือดใส่ผักกวางตุ้ง ตามด้วยยอดฝักทอง ใบตำลึง ต้นหอม ผักชีลาว ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา ชูรสเล็กน้อย ชิมรสตามชอบ
4.ยกลงเสริ์ฟโรยหน้าด้วยใบแมงลัก
ข้อมูลจาก..น้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
ป้ายกำกับ:
เครื่องปรุงแกงอ่อม,
ใบตำลึง,
ใบแมงลัก,
ผักกวางตุ่ง,
ยอดฝักทอง
ส้มตำปูปลาร้า
ใครชอบส้มตำอ่านตรงนี้ การ์ตูนมีสูตรเด็ดๆมาฝากจ้า
ส่วนผสมโดยประมาณ...
มะละกอสับ 2 ถ้วยตวง
ลูกมะกอกสุก 2 ผล
มะเขือเทศสีดา 5 ผล
พริกขี้หนูสด 10 เม็ด
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
ปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ
ปูสดหรือปูดอง 3-4ตัว
กระเทียมกลีบเล็ก 10 กลีบ
น้ำตาลปี๊บ 1/2ช้อนโต๊ะ
ใส่ชูรสตามชอบ
วิธีทำ
1.โขลกพริกกับกระเทียมพอแตก
2.ใส่เส้นมะละกอที่สับไว้ ตามด้วยเครื่องปรุง(ส่วนผสม)ทุกอย่างคลุกให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
3.ตักใส่จานเสริ์ฟพร้อมกับผักสด
ข้อมูลจาก..น้องการ์ตูน ศิญาวรรณ
....................................................
แนะนำช้อปปิ้งออนไลน์ราคาถูกๆจ้า
เครื่องใช้ในครัว http://ho.lazada.co.th/SHNuNo
สินค้าอุปโภคบริโภค http://ho.lazada.co.th/SHNuVB
เครื่องใช้ไฟฟ้า http://ho.lazada.co.th/SHNjX2
ตกแต่งบ้าน อุปกรณ์ของใช้ในบ้าน http://ho.lazada.co.th/SHO1mI
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)